โดย............
รุ่งเรือง บุญโญรส แปล

 
...ดั่งสายน้ำไหล...
 

             ท่านมิลาเรปะได้เดินทางไปกับศิษย์หลายคน เมื่อถึงหมู่บ้านดินรินมาร ท่านได้ถามหาว่าใครในหมู่บ้านที่จะเป็นโยมอุปฐากได้ เมื่อทราบว่า มีเพียงแพทย์คนหนึ่งชื่อ ยัง งือ เป็นพุทธศาสนิกใจบุญ ท่านจึงมุ่งหน้าไปสู่บ้าน ของเขา ครั้นพบกันแล้ว แพทย์ผู้นั้นกล่าวว่า “ ใคร ๆ เขาพูดกันว่าท่านอาจารย์ สามารถใช้สิ่งที่อยู่ใกล้ ๆ มือเปรียบเทียบในการสอนธรรมะ โอกาสนี้ขอท่าน อาจารย์ใช้ระลอกนํ้าที่อยู่ในคูเบื้องหน้าเรานี้ มาเปรียบเทียบและสอนธรรมะ แก่เราด้วยเถิด ”

จากนั้น ท่านมิลาเรปะก็เปล่งวาจาออกมาเป็นธรรมคีตาดังนี้

ข้าขอนอบน้อมบูชาอาจารย์ผู้การุณของข้า
โปรดเมตตาให้ทุกคน ณ ที่นี้ คิดถึงพระธรรมเถิด
ครั้งหนึ่งท่านอาจารย์เคยกล่าวว่า
“ ชิวิตนี้เหมือนระลอกนํ้า
เป็นอยู่ชั่วประเดี๋ยว และโลดแล่นไป
ในชีวิตของเราไม่อาจหาการประกัน ความยั่งยืนใด ๆ ”

ชีวิตของฆราวาส เปรียบเหมือนโจร
ที่เล็ดลอดเข้าไปในบ้านอันว่างเปล่า
คุณไม่รู้หรือว่านั่นเป็นความเขลาของมัน
วัยหนุ่มสาว เป็นเหมือนบุปผาในหน้าร้อน
อยู่ ๆ มันก็เหี่ยวแห้งไป
วัยชรา เปรียบเหมือนไฟที่ลุกลามไปตลอดทุ่ง
ในบัดดล มันพรึบพุ่งมาลุกไหม้ที่ใกล้เท้า
พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า
“ ความเกิดและความตาย
ก็คล้ายอาทิตย์อุทัยและอัสดง
ประเดี๋ยวมาประเดี๋ยวจาก ”

อนึ่งโรคา ก็เหมือนดั่งสกุณาน้อย
ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะถูกยิง หรือขว้างปา
คุณไม่รู้ หรือว่า อนามัยและพลังกาย
จะละหายจากคุณไปตามกาลเวลา
ความตาย เป็นเหมือนตะเกียง
ที่นํ้ามันแห้งไปหมดแล้ว
อาตมาขอยืนยันว่า
ไม่มีอะไรในโลกนี้ ที่จะอยู่ยั่งยืนถาวร
กรรมชั่วเปรียบเหมือนธารน้ำตก

ซึ่งอาตมาไม่เคยเห็นมันไหลขึ้นสู่เบื้องบนเลย
คนใจบาป เป็นเหมือนต้นไม้ที่มีพิษ
ถ้าคุณพิงมัน คุณก็จะถูกพิษของมัน
ได้รับความเจ็บปวด
ผู้ละเมิดธรรม เป็นเหมือนถั่ว
ที่ถูกทำลายด้วยน้ำค้างแข็ง
เหมือนไขมันที่บูดเน่าซึ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเสียหมด

ผู้ประพฤติธรรม เป็นเหมือนชาวนาในทุ่ง
ที่มุ่งมั่นด้วยความระวังและความแข็งขัน
และจะได้รับความสำเร็จ
ธรรมาจารย์ เป็นประดุจหนึ่งโอสถและนํ้าอมฤต
วางใจมอบชีวิตกับท่านเถิด
แล้วจะได้รับความสำเร็จ
วินัย เปรียบเหมือนหอคอยของยามรักษาการณ ์
ปฏิบัติตามมันเถอะ แล้วจะบรรลุผลที่ปรารถนา
กฎแห่งกรรม เป็นประหนึ่งวงล้อมของวัฏสงสาร
ใครก็ตามที่ฝ่าฝืน จะได้รับความเสียหายหนัก
สังสารวัฏ์ เหมือนหนึ่งหนามมีพิษ
เมื่อตำเข้าเนื้อ หากไม่ดึงออก
พิษจะแรงขึ้น และแผ่ซ่านไป
มรณกรรมที่มาเยือน
ก็เหมือนเงาต้นไม้ ยามอาทิตย์อัสดง
มันจะลี้ละไปโดยเร็ว ไม่มีใครหยุดยั้งมันไว้ได ้
เมื่อกาละนั้นมาถึง
อะไรจะช่วยได้ ถ้าไม่ใช่ธรรมะอันศักดิ์สิทธิ์

แม้ธรรมะ เป็นต้นกำเนิดแห่งความมีชัย
ชนผู้ใฝ่หาชัยชนะนั้นก็มีน้อย
คนนับเป็นร้อย ๆ ที่พันพัวยุ่งเหยิงอยู่
ในความลำบากยากเข็ญของวัฏสงสาร
เมื่อเขาได้เกิดมาสู่ภาวะเคราะห์ร้าย
เขาก็ขวนขวาย ด้วยการลักขโมยและปล้นสะดม
ครั้นมอบหมายกิจให้ทำ
เขาก็ล้มครืน และหายสูญ
บุคคลผู้สนทนาธรรมด้วยความร่าเริง
จะได้รับแรงบันดาลใจ
คุณโยมทั้งหลาย อย่าคุยกันมากนักเลย
แต่จงประพฤติธรรม ที่ล้ำเลิศนั้นเถิด

 
 

. . . ชาติ ชรา มรณะ . . .

 

            “ เท่าที่อาจารย์พูดมาแล้วนี้ นับว่าเป็นประโยชน์แก่จิตใจของกระผม มาก ” แพทย์ผู้มีนามว่า ยังงือ เอ่ยขึ้น

            “ และกระผมใคร่จะฟังต่อไปเกี่ยวกับธรรมะ และความทุกข์ ชาติ ชรา โรคา และมรณะ ขอท่านอาจารย์จงกรุณาเถิด กระผมจะได้มีความเข้าใจ ประจักษ์แจ้งลึกซึ้งในพุทธธรรมยิ่ง ๆ ขึ้น ”

            ท่านมิลาเรปะก็ตอบสนองด้วยดี

โปรดฟังคำเหล่านี้ มิตรสหายทั้งหลาย
เมื่อคุณยังเยาว์ และมีกำลังแข็งขัน
คุณไม่คิดถึงความชราที่กำลังมาเยือน
แต่ชรานั้นมันเคลื่อนเข้ามาอย่างช้า ๆ และแน่นอน
เหมือนดังเมล็ดพืชที่กำลังงอกอยู่ใต้ดิน
เมื่อคุณยังแข็งแรงและมีอนามัยดี
คุณไม่คิดถึงโรคาพยาธิที่กำลังมาเยี่ยม
แต่โรคานั้นมันมาอย่างฉับพลันทันใด
เหมือนหนึ่งฟ้าแลบก็ปานกัน
เมื่อหมกมุ่นอยู่ในโลกียสมบัติ
คุณไม่คิดเลยว่า ความตายกำลังคืบคลานเข้ามา
แต่แล้วมันถลามารวดเร็วดังฟ้าร้อง
ที่แตกลั่นระรัวรอบศีรษะของคุน
ความเจ็บไข้ความชราและความตาย
มันพบกันเสมอ ดังมือและปาก
ยมราชซุ่มรอเหยื่อของท่านอยู่
และพร้อมที่จะต้อนรับผู้เคราะห์ร้ายอยู่เสมอ
เมื่อมีความวิบัติได้บังเกิดแก่เขาแล้ว

นกกระจอกบินไปเป็นหมู่เป็นแถว
ชีวิต มรณะ และบารโด ก็เป็นเช่นนั้น
ตามติดกันและกันไป
แขกผู้มาเยี่ยมสามท่านนี้ ไม่เคยเหห่างจากคุณเลย
คิดดังนี้แล้ว คุณไม่กลัวหรือ
บาปกรรมของคุณ นั้น เหมือนธนูแข็งแรง
ที่ซุ่มคอยจะเจาะทะลุคุณ
การได้เกิดในนรก เป็นเปรต หรือ อสุรกาย
ก็กำลังคอยจ้องจับตัวคุณอยู่
หากคุณตกลงสู่กับดักของมัน
ยากยิ่งนักที่คุณจะ หลุดพ้นออกมาได ้

คุณไม่กลัวความลำบากยากเข็ญ
ที่เคยประสบในอดีตหรือ
แน่ซิ คุณจะรู้สึกเจ็บปวดมาก
หากเคราะห์ร้ายนั้นจู่โจมเข้าหาคุณ
ความทุกข์ยากของชีวิต
ความติดกันมาไม่ขาดสาย
เหมือนดังคลื่นในทะเลที่ตามติด ๆ กันมาไม่มีหยุด
คลื่นลูกหนึ่งยังไม่ทันผ่านพ้นสลายไป
อีกลูกหนึ่งก็ไล่ตามหลังมา
จนกว่าคุณจะหลุดพ้น
ความทุกข์ ความสุข
ก็มา ๆ ไป ๆ ไม่มีกฎเกณฑ ์
เหมือนกับคนสัญจรไปมา
ที่คุณพบปะตามถนนหนทาง
ความสนุกสำราญ ก็ไม่แน่นอน
เหมือนอาบนํ้าอยู่กลางแดด
และมีอยู่ชั่วประเดี๋ยวก็หมดไป
และเหมือนพายุหิมะ ซึ่งมาโดยไม่เตือนล่วงหน้า
เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว
ไฉน จึงไม่ปฏิบัติธรรม

. . . ความไม่แน่นอน . . .

            ท่านเรจุงปะ ศิษย์ของท่านมิลาเรปะ ได้เดินทางไปในดินแดน ภารตวรรษ ( อินเดีย ) ครั้นกลับมาแล้ว ได้กลายเป็นผู้ทะนงตนมีความถือตัว ท่านมิลาเรปะจึงพยายามแก่โรคร้ายนั้นให้หมดไป

            วันหนึ่งทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ได้ออกไปบิณฑบาตและวันนั้น หญิงชราคนหนึ่งไม่ถวายอะไรแก่ท่านทั้งสองเลย และบอกปัดว่าไม่มีอาหาร จะให้ ทั้งได้กล่าวตำหนิติเตียนท่านทั้งสองด้วย ในตอนเช้าวันต่อมาท่านทั้งสอง ได้พบว่าหญิงชราคนนั้นได้ถึงแก่กรรมเสียแล้ว ท่านมิลาเรปะจึงกล่าวว่า

            “ เรจุงปะเอ๋ย สิ่งที่มีชีวิตจิตใจทั้งหลายทุกรูปทุกนามก็เหมือนกับหญิง คนนี้ จะต้องตายในที่สุด แต่คนทั้งหลายไม่ค่อยคิดถึงความจริงนี้ เพราะเหตุนั้น แหละคนเหล่านั้นจึงปล่อยโอกาสดี ๆ ที่ควรปฏิบัติธรรมให้สูญสิ้นไป ทั้งเจ้า และข้าควรจำเหตุการณ์นี้ไว้และถือเอาเป็นบทเรียน ”

            จากนั้นท่านมิลาเรปะก็ร้องก้องออกมาเป็นธรรมคีตาว่า ด้วยความ มีอยู่เพียงชั่วเวลาอันสั้น ( อนิจจตา ) และความหลงเมามัว ( โมหะ ) ดังนี้ :-

เมื่อความจริงปรากฏว่า ชีวิตเป็นอนิจจัง
มีอยู่เพียงชั่วเวลาอันสั้น
เมื่อความจริงนี้ได้กระทบกระแทกใจผู้ใด
อย่างหนักอึ้ง
ความนึกคิดและการกระทำของผู้นั้น
จะล่องไปตามคลองธรรมได้เอง
หากผู้นั้นคิดเกี่ยวกับความตายซ้ำอีกและคิดถึงเรื่อย ๆ
เขาก็จะสามารถชนะมารแห่งความเกียจคร้านได้โดยง่าย
ไม่มีใครรู้ว่า เมื่อใดความตายจะมาถึงตน
เหมือนกับหญิงคนนี้เมื่อราตรีที่ล่วงแล้ว
เรจุงปะเอย , อย่าหยาบกระด้าง
จงฟังคำของครูเธอเถิด
มองดูซิ , ภาพแสดงทั้งปวง ณ โลกภายนอก
มันมีอยู่ชั่ววันชั่วคืนเท่านั้นแล้วก็หายลับไป
เหมือนความฝันในราตรีที่ผ่านมา
เมื่อใครคิดถึงความฝันที่ผ่านไปแล้วนี้
ก็ย่อมรู้สึกตกอยู่ในความเศร้า

เรจุงปะ เธอตื่นเต็มที่แล้วหรือ
จากความงงงวยอันใหญ่หลวงนี้
โอ้ , ตัวข้านี้สิหนอ ยิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ข้าก็ยิ่งปรารถนาสู่พุทธะและพระธรรม
กายมนุษย์ซึ่งเรียกหาแต่การปรนเปรอให้สำราญ
เป็นเจ้าหนี้ที่ไร้ความกตัญญู
ไม่ว่าสิ่งดีใดที่เธอทำให้แก่กาย
มันก็จะลงเมล็ดพันธุ์แห่งความเจ็บปวดไว้ให้เสมอ
กายมนุษย์นี้
คือถุงบรรจุสิ่งปฏิกูล และสิ่งเปรอะเปื้อน
อย่าทะนงตนเพราะกายนี้เลย , เรจุงปะ
แต่ฟังธรรมคีตาของข้าเถอะ
เมื่อข้ากลับมามองดูกายของข้า
ข้าเห็นมันเหมือนนครที่เกิดขึ้นเพราะพยับแดด
แม้ว่าข้าพยุงมันไว้ได้ชั่วครู ่
มันก็ต้องดับสลายไปแน่นอน
เมื่อข้าคิดถึงเรื่องนี้
ดวงใจของข้ามีแต่ความสลด

เรจุงปะเอ๋ย เธอจะไม่ตัดขาดจากสังสารวัฏหรือ
โอ้ , ตัวข้านี้สิหนอ , ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้
ก็ยิ่งปรารถนาสู่พุทธะและพระธรรม
คนประพฤติชั่วจะไม่ได้ประสบความสงบสุขเลย
ความคิดนึกที่ล่องลอยนอกลู่นอกทาง
เป็นเหตุของความเสียใจทั้งปวง
อัชฌาสัย * ที่เป็นอกุศลทั้งหลาย
เป็นเหตุของความระกำลำบากทั้งหมดทั้งสิ้น
อย่าเป็นคนตะกละมักมากเลย , เรจุงปะ
แต่ฟังธรรมคีตาของข้าเถอะ

เมื่อข้ากลับมาดูที่จิตใจของข้า ซึ่งมุ่งแต่ยึดถือ
มันก็เหมือนนกกระจอกอายุสั้น
ที่อาศัยอยู่ในแมกไม้ไร้บ้าน
และไม่มีที่ใดจะอาศัยหลับนอน
เมื่อข้าคิดถึงเรื่องนี้ ดวงใจของข้ามีแต่ความสลด
เรจุงปะเอ๋ย , เธอจะปล่อยให้ตัวหมกมุ่น
อยู่ด้วยจิตที่เป็นอกุศลหรือ
โอ้ตัวข้านี้สิหนอ , ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้
ก็ยิ่งปรารถนาสู่พุทธะและพระธรรม
ชีวิตมนุษย์ไม่มั่นคง ล่อแหลมต่อการแตกสลาย
เหมือนกับขนบาง ๆ เส้นเดียวที่หางม้า
ซึ่งห้อยอยู่จวนจะขาดแล้ว
มันอาจจะถูกสะบัดให้ขาดออกเมื่อใดก็ได ้
เหมือนกับหญิงชราคนนี้เมื่อราตรีที่ล่วงแล้ว
อย่าหลงผิดยึดมั่นกับชีวิตนี้ เรจุงปะเอ๋ย
แต่ฟังธรรมคีตาของข้าเถอะ
เมื่อข้าสังเกตการหายใจของข้าในภายใน
ข้าเห็นว่ามันมีอยู่ชั่วขณะเหมือนกับหมอก
มันอาจจะจางหายไปเป็นความว่างเปล่า เมื่อใดก็ได ้
เมื่อข้าคิดถึงเรื่องนี้ ดวงใจของข้ามีแต่ความสลด
เรจุงปะเอ๋ย , เธอไม่ต้องการชนะ
ความไม่มั่นคงนั้นในกาละบัดนี้หรือ
โอ้ว่าตัวข้านี้สิหนอ , ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้
ก็ยิ่งปรารถนาสู่พุทธะและพระธรรม
การอยู่ใกล้ญาติที่มีใจชั่วร้าย
ย่อมก่อให้เกิดความเกลียดชัง
กรณีของหญิงชรานี้เป็นบทเรียนที่ดีมาก
เรจุงปะเอ๋ย , หยุดความคิดฟุ้งซ่านเพ้อฝันของเธอเสียเถิด
และฟังธรรมคีตาของข้า

เมื่อข้ามองดูมิตรและคนที่รู้จักคุ้นเคยทั้งหลาย
คนเหล่านั้น ก็เหมือนกับผู้เดินผ่านไปมาในตลาด
การพบปะเขาก็เป็นเพียงชั่วครู่
แต่จากกันนั้นซิชั่วนิรันดร ์
เมื่อข้าคิดถึงเรื่องนี้ ดวงใจของข้ามีแต่ความสลด
เรจุงปะเอ๋ย
เธอไม่ต้องการตัดโลกียสมาคมทั้งหมดนั้นหรือ
โอ้ว่าตัวข้านี้สิหนอ ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้
ก็ยิ่งปรารถนาสู่พุทธะและพระธรรม

คนรวยนาน ๆ ครั้งจะมีความสุขสำราญ
กับทรัพย์สมบัติที่เขาหามาได ้
นี้คือการเยาะเย้ยของกรรมและวัฏสงสาร
เงินและเพชรนิลจินดาที่ได้มา
เพราะความตระหนี่
และความเหนื่อยยาก
ก็เหมือนกับกระบุงอาหารของหญิงชราคนนี้
อย่าละโมบนักเลย เรจุงปะเอ๋ย
ฟังธรรมคีตาของข้าเถอะ
เมื่อข้ามองดูโชคลาภ โภคสมบัติของคนรวย
มันปรากฏแก่ข้าเหมือนนํ้าผึ้งปรากฏแก่ผึ้งทั้งหลายคืองานหนัก
และก็เพียงเพื่อสนองความรื่นเริงสำราญของคนอื่นเท่านั้น
นั่นแหละคือผลของแรงงานของเขา
เมื่อข้าคิดถึงเรื่องนี้ ดวงใจของข้ามีแต่ความสลด
เรจุงปะเอ๋ย , เธอไม่ต้องการเปิดคลังแห่งมหาสมบัติ
ภายในดวงจิตของเธอหรือ
โอ้ว่าตัวข้านี้สิหนอ ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้
ก็ยิ่งปรารถนาสู่พุทธะ และพระธรรม

Top