| home | บอกกล่าว | ทำดีเพื่อความดี | ผู้รู้แห่งธิเบต | เมื่อไปเยือนเมืองตานี | ประวัติหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด |
| พระพุทธศาสนาสำหรับผู้เริ่มศึกษา | คุณสมบัติของนักปฏิบัติธรรม ๔ ประการ | ธรรมะในมิลินทปัญหา | รายนามผู้บริจาค |

ทำดีเพื่อความดี

 
โดย... "ธรรมโฆษ"

 
 

            นานมาแล้ว เมื่อตายังหนุ่มแน่นแข็งแรงและเป็นโสด ตาได้เที่ยวซอกแซกไปตามตรอกเล็กซอยน้อยในพระนครจนทั่ว คืนวันหนึ่ง ขณะที่ตา กำลังเดินอยู่ ในตรอกแคบ ๆ มืดแห่งหนึ่งแถวรองเมือง เท้าของตาไปสะดุดเข้า กับสิ่ง ๆ หนึ่ง ซึ่งวางขวางทางอยู่ สิ่งที่ทำให้ ตารู้ สึกประหลาดใจก็คือว่า สิ่งนั้น มีลักษณะนิ่ม ๆ คล้ายเนื้อหนังมนุษย์ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ความจริง ตาจึงก้ม ลงพิจารณาอย่างใกล้ชิด ในที่สุดก็ทราบความจริงว่า สิ่งนั้นคือชายคนหนึ่ง กำลัง นอนสลบไสลคลุกฝุ่นอยู่ กลางถนนซอย เพราะความมึนเมา กลิ่นสุราฟุ้งตลบ ไปหมด

            ตาหยุดยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าจะเดินเลยไปเสีย ก็คงได้อย่างสบาย แต่อีกใจหนึ่งคิดว่าถ้าปล่อยเขานอนอยู่ที่นั่น เขาอาจจะ ถูกคนอื่นเดินมาแตะถีบหรือชนเอาเพราะมองไม่เห็น เขาอาจได้ รับอันตราย บางทีสัตว์ ร้ายเช่น งู หรือตะขาบ มันจะมากัดมาต่อยเอาก็ได้ ยิ่งกว่านั้น ภรรยา และบุตรของเขา ( ถ้าเขามี ) ที่อยู่ทางบ้านอาจจะกำลังตั้งตาคอย คิดไปคิดมา ความเมตตากรุณาก็เป็นฝ่ายชนะ ตาก้มลงอุ้มชายขี้เมาคนนั้นขึ้นแบกบนบ่า แล้วก็เดินไปยังห้องแถวใกล้ ๆ ที่มีไฟสว่างวอบแวมออกมา ตาโผล่หน้าเข้า ไปที่ประตูแล้วถามเจ้าของบ้านว่า รู้จักชายคนนี้หรือเปล่า เจ้าของบ้านหัวเราะ แล้วบอกว่าชายคนนั้นคือตาแฉ่งขี้เมา บ้านอยู่ห้องแถวเล็ก ๆ สุดซอย ตาถาม ดูเลขบ้านของตาแฉ่งจนทราบแน่นอนแล้ว ก็แบกเขาเดินต่อไปด้วยความยาก ลำบากอย่างยิ่ง

            หลังจากเดินล้มลุกคลุกคลานมาเป็นเวลาเกือบ ๑๕ นาที ตามาถึง ห้องแถวที่บ้านของตาแฉ่ง ตาวางเขาลงนอนไว้ ลงที่พื้นซีเมนต์หน้าห้องแถว แล้วก็เอามือเคาะที่ประตู เมื่อประตูถูกเปิดออก หญิงอายุกลางคน ๆ หนึ่ง ก็เปิดประตูผลั๊วะออกมา นางจ้องดูหน้าตาแล้วก็ก้มลงมองตาแฉ่ง ซึ่งนอนคุดคู้อยู่ แทบเท้า ด้วยสายตาแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง

            ขณะที่ตากำลังจะเอ่ยปากรายงานเรื่องราวให้นางทราบนั่นเอง นางก็เอามือชี้หน้าแล้วพูดขึ้นว่า " นี่เองคือคนที่พาผัวของข้าไปกินเหล้า เมาหยำเปทุกวันข้าจับได้แล้ว "

            ก่อนที่ตาจะได้อธิบายความจริงให้นางฟัง หญิงคนนั้นก็คว้าเอาไม้คาน ที่วางอยู่ข้าง ๆ ฝาขึ้นมาประเคนลงไปบนศีรษะของตาอย่างแรง ดีแต่ว่าตายกมือทั้งสองขึ้นรับไว้ทัน ศีรษะจึงไม่แตกเลือดไหลโทรม ขณะที่นางเงื้อไม้คานขึ้นจะกระหน่ำตีตาอีกเป็นครั้งที่สอง ตาก็ถอยหลังออกไปพ้นรัศมีไม้คานเสียก่อน หญิงผู้ใจร้ายเงื้อไม้คานเผ่นตามจะตีตาอีก ตาจึงจำเป็นต้องวิ่งหนี เพื่อความปลอดภัย ได้ยินแต่เสียงด่าแช่งชักหักกระดูกตามมาข้างหลัง

            ตาออกมานั่งลูบแขนที่บวมโนเพราะฤทธิ์ไม้คานที่ร้านกาแฟปากซอย พลางคิดอยู่ในใจว่า " เราอุตสาห์ แบกสามีไปส่งจนถึงบ้านด้วยความหวังดี แม้แต่คำว่า " ขอบใจ " คำเดียวก็ไม่ได้รับ ตรงกันข้ามกลับถูกด่า ถูกตีจนเจ็บตัว ทำดีไม่ได้ดีหนอ "

            ตั้งแต่นั้นมา ตาก็ไม่ได้ช่วยเหลือใครโดยไม่จำเป็น ตาเชื่อว่าทำดีไม่ได้ดีแน่ ๆ แต่ต่อมาภายหลัง ตาได้เล่าเรื่องนี้ให้พระรูปหนึ่งฟัง ท่านสอนตา ว่า ทำดีต้องได้ดีแน่ความดีใด ที่เราทำแล้วจะอยู่ที่ตัวเราเอง ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นแต่เพียงผลพลอยได้จากการทำดี ไม่ใช่ตัวความดี บางที เราอาจจะได้แต่บางทีเราอาจจะไม่ได้แต่ตัวความดีนั้นเราต้องได้ดีแน่ฉะนั้นจงทำความดีเพราะรักในความดี อย่าทำความดีเพื่อหวังผลตอบแทน ถ้าทำความดีเพื่อหวังผลตอบแทนความดีที่เราทำจะไม่ใช่ความดีแท้เปรียบ เหมือนการให้ทานแก่คนอื่น ถ้าเราให้ด้วยความเต็มใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ใด จึงจะเป็นการให้ทานอย่างบริสุทธิ์ ถ้าให้โดยหวังสิ่งหนึ่งตอบแทนการ ให้นั้นไม่จัดเป็นทาน แต่เป็นการค้าเพื่อหวังผลกำไร

            เมื่อได้ทราบความจริงเช่นนี้ ตาก็กลับทำความดีอีก คราวนี้ทำเพื่อ ความดีจริง ๆ ไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ บางครั้งตาก็ต้องเสียผลประโยชน์ เพราะการทำความดี บางครั้งก็ถูกคนติฉินนินทา ด่าว่า บางครั้งก็ประสบความลำบาก แต่ตาก็ยังทำความดีต่อมาจนกระทั่งบัดนี้

 
 

Top