|
|
|
|
|
เมื่อไปเยือนเมืองตานี |
|
|
พรพรรณ สุจริตวณิช
| |
|
ทัศนศึกษา |
|
|
ข้าพเจ้าได้รับการชักชวนให้เดินทางมารักษาขาที่จังหวัดปัตตานี จาก อาจารย์อังกูร พุทธิเนตร ซึ่งได้ นำคณะนักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จำนวนประมาณ ๔๐ คน ไปทัศนศึกษาวิชาการถ่ายภาพเบื้องต้นในงานพืชสวนโลก ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจัดอบรมจริยธรรมแก่ นักศึกษาในช่วงคํ่าเวลา ๒๐ . ๐๐ - ๒๒ . ๐๐ น . ณ ศูนย์อุทยานธรรม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๒ มกราคม ๒๕๕๐
|
|
|
ไปรักษา |
|
|
ข้าพเจ้าได้รับการบอกเล่าจากอาจารย์ อังกูรว่ามีเพื่อนท่านซึ่งกำลังศึกษาในระดับปริญญาเอก แล้วคงเครียดกับการเรียน ทำให้เส้นเลือด ในสมองแตก จึงเป็นเหตุให้ เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก เขาได้มารักษากับฮามุ หมออิสลาม ซึ่งรักษาแบบภูมิปัญญาพื้นบ้าน และยังรักษาเกี่ยวกับกระดูก และเส้นต่าง ๆ กับคนอื่น ๆ ที่อาจารย์ รู้จัก แล้วเขาเหล่านั้นหาย บางคนก็ดีขึ้น ช่วยตัวเองได้มากขึ้น อาจารย์อังกูรจึงอยากให้ข้าพเจ้าไปลองรักษาดูบ้าง ข้าพเจ้าก็สนใจจึงพยายามหาเพื่อนไปด้วย แต่ก็ไม่สามารถหาได้ เพราะไม่มี ใครว่างเลย ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจเดินทางไปปัตตานีกับคณะนักศึกษาเพียงลำพัง ในตอนบ่ายสามโมงของวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๐
|
|
|
ชมเขื่อน |
|
|
การเดินทางเป็นไปด้วยความเรียบร้อยปลอดภัย น้อง ๆ นักศึกษาน่ารัก และช่วยดูแลข้าพเจ้าเป็นอย่างดี โดยเฉพาะน้องปุ้ยและน้องเต้ย ที่รับอาสา ดูแลข้าพเจ้า ข้าพเจ้านั่งด้านหน้าหลังคนขับกับอาจารย์ อังกูร พอตกดึก ข้าพเจ้าก็ย้ายไปนอนด้านหลังรถก็เลยได้หลับสบายหน่อย ตื่นอีกทีก็ใกล้แจ้ง ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ มีทัศนียภาพสวยงาม โดยเฉพาะในยามที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นเหนือนํ้า จึงเป็นโอกาสที่นักศึกษาจะได้ฝึกถายภาพไปด้วย อากาศยามเช้าให้ ความรู้สึกที่สดชื่นเย็นสบาย นอกจากนั้น ที่นี่ยังมีร้านค้าที่ขายของที่ระลึก และร้านอาหารมากมายหลายร้าน รวมทั้งยังมี ห้องนํ้าที่ค่อนข้างสะอาดและสะดวกสบาย ทางคณะจึงรับประทานอาหารเช้าที่นี่
|
|
|
ข้อคิดจากดอกทานตะวัน |
|
|
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ คณะได้เดินทางต่อไปถ่ายรูปทุ่งทานตะวัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์นัก เห็นดอกทานตะวันกำลังบานสวย เต็มท้องทุ่ง ดูแล้วพลอยทำให้รู้สึกเบิกบานไปด้วย ดอกทานตะวัน เสมือน กำลังแสดงธรรมบอกว่า " ถ้าเราเบิกบาน โลกก็จะสดใสเบิกบานไปกับเรา แต่ถ้า เราทุกข์เราต้องทุกข์คนเดียว ฉะนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้จิตแจ่มใส เบิกบานไว้ก่อน แล้วปัญญาก็จะเกิดตามมาช่วยแก้ปัญหาให้เอง "
|
|
|
ไปวัดใหญ่ |
|
|
คณะได้เดินทางต่อไปที่วัดใหญ่ชัยมงคล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาถึงที่นี่ยามเที่ยงอากาศกำลังร้อนมาก ประจวบกับวันนี้ตรงกับวันเด็กที่ ๑๓ มกราคม คนจึงมาวัดกันมากดูคึกคักไปหมด วัดแห่งนี้เป็นวัดใหญ่ และ เก่าแก่ มาตั้งแต่ สมัยอยุธยา มีภูมิทัศน์ ที่สวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ทางวัดและกรมศิลปากรได้ พยายามรักษาสภาพเจดีย์ และโบราณสถานอื่นๆ ไว้ให้คนปัจจุบันได้เห็นอดีตอันยิ่งใหญ่ของวัด และกุศลจิตศรัทธาตลอดจน ความเสียสละของพุทธศาสนิกชนในอดีตที่มีต่อพระพุทธศาสนาว่าแน่วแน่ และ มั่นคงเพียงไร ควรที่พุทธศาสนิกชนในปัจจุบันจะได้ ดูเป็นแบบอย่าง ผู้ที่มาวัดใหญ่ชัยมงคล ควรไปลองอธิษฐานยกช่างเหล็กในวิหารดู ถ้าคำอธิษฐานเป็นผลสำเร็จ การยกช่างเหล็กจะต้องยกขึ้นในครั้งแรก และยกไม่ขึ้นในครั้งที่สองอย่างน่าอัศจรรย์
|
|
|
|
|
|
ออกจากวัดใหญ่ชัยมงคล คณะก็เดินทางต่อไปที่สนามหลวง กรุงเทพ มหานครถึงสนามหลวง เวลาประมาณบ่ายสามโมง หลังจากปล่อยทุกคนลงรถ แล้ว อาจารย์อังกูรและคนขับรถก็รีบขับรถ ไปให้ช่างตรวจเช็คดูแอร์รถยนต์ เพื่อการเดินทางต่อไปจะได้ราบรื่น และสะดวกสบาย
ที่สนามหลวง น้อง ๆ นักศึกษาต้องไปถ่ายภาพที่พระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้ว ถ่ายภาพกลางคืนที่ถนนข่าวสาร และถ่ายภาพเคลื่อนไหว เช่นรถ ที่กำลังขับผ่านไปมา คณะของเราจะอยู่ ที่สนามหลวงจนถึงเที่ยงคืน จึงจะเดินทาง ต่อไปปัตตานี
ข้าพเจ้าเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่เต้นท์ ใกล้ ๆ กับที่ข้าพเจ้านั่งพัก จึงเดินไป สอบถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะอยู่ ที่สนามหลวงนานไหม ที่ต้องถามเพราะ ข้าพเจ้าจะขอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับรถมอเตอร์ไซด์ พาข้ามถนนไปส่งข้าพเจ้า เข้าห้องนํ้าในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะข้าพเจ้าเดินข้ามถนนไม่ สะดวก เนื่องจากรถมาก ทางเจ้าหน้าที่ตอบว่าอยู่ นาน เพราะต้องอยู่ ดูแลเนื่องจาก จะมีม๊อบวันเสาร์มาเปิดเวทีปราศัยโจมตีรัฐบาลและ คมช .
|
|
|
กลับปัตตานี |
|
|
ครั้นตกเย็นรถบัสของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ก็กลับมาจอดกลางสนามหลวงอีกครั้ง ในขณะที่ขวามือมีม๊อบวันเสาร์ กำลังปราศัยโจมตีรัฐบาลและคณะคมช . ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง จนนักศึกษา บางคนมาปรารภกับข้าพเจ้าว่า " เขาพูดแรงจังนะคะ " ส่วนซ้ายมือ ก็มีม๊อบอาลัย ครูจูหลิง ปงกันมูล ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ ไม่สงบของ ๓ จังหวัดภาคใต้ เสียงจากเครื่องขยายเสียงของกลุ่มม๊อบดังไปทั่วสนามหลวง แม้ จะมีคนฟังไม่มากนักก็ตาม ข้าพเจ้าและน้อง ๆ นักศึกษาหลายคนที่ไม่ไปไหนก็ไปนั่งกลางท้อง สนามหลวงด้วย ไม่ได้ไปฟังกลุ่มม๊อบ แต่หลบอากาศร้อนในรถต่างหาก
ม๊อบวันเสาร์ ปราศัยไปถึงเวลาประมาณ ๒๒ . ๐๐ น . คนปราศัย บนเวทีก็กล่าวว่าได้ข่าวว่า ขณะนี้ทหารกำลังนำกำลังมาที่สนามหลวง และพูด ท้าทายว่า ขอให้มาจริง ๆ เถอะพวกเราจะรอที่สนามหลวงไม่ไปไหน พอได้ยิน ดังนั้น อาจารย์ อังกูรตัดสินใจเรียกนักศึกษาขึ้นรถ และนำคณะออกจาก สนามหลวงทันที แล้ว อาจารย์อังกูร ก็ให้ นักศึกษาที่อยู่ บนรถโทรศัพท์ ตามเพื่อน ๆ ที่ไปถ่ายภาพกลางคืนที่ถนนข่าวสาร ตอนแรกรถบัสของมหาวิทยาลัย ขับไปจอดรอนักศึกษาที่ข้างวัดพระแก้ว แต่แล้วก็ค่อย ๆ ขับย้ายมาจอดรอ นักศึกษาที่หน้าโรงละครแห่งชาติแทน กว่าน้อง ๆ นักศึกษาจะมากันครบทุกคน ก็เกือบ ๒๓ . ๐๐ น . จากนั้นรถบัสก็นำคณะเดินทางกลับปัตตานีทันที
|
|
|
ระหว่างทาง |
|
|
มกราคมที่จังหวัดชุมพร รถบัสก็นำคณะ ไปจอดเพื่อรับประทานอาหารเช้า และทำกิจส่วนตัวที่ร้านอาหาร คุณสาหร่าย ที่ร้านอาหารแห่งนี้มีอาหารและสินค้าจำหน่ายมากมาย มีสถานที่กว้างขวาง ใหญ่โต แต่น่าเสียดายไม่มีห้องนํ้าที่อำนวยความสะดวกให้แก่ คนแก่ และ คนพิการเลย สู้ปั๊ม ปตท . แถวสุราษฎร์ธานีไม่ได้ มีทุกอย่างแม้แต่ห้อง เปลี่ยนผ้าอ้อมให้แก่เด็กทารก
ข้าพเจ้านั่งชมทิวทัศน์ สองข้างทางเห็นสวนมะพร้าว ยางพารา เป็นจำนวนมาก มีสวนปาล์ม เป็นช่วง ๆ ขณะรถบัสขับมาใกล้เขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปรากฏว่าคุณตาของนักศึกษาคนหนึ่ง ซึ่งอยู่กรุงเทพและเป็นมุสลิมเกิดเสียชีวิตลง ทำให้นักศึกษาคนดังกล่าวต้องเดินทางไปร่วมงานศพของคุณตาโดยด่วน เพราะศพมุสลิมต้องฝังภายใน ๘ ชั่วโมงตามกฏของศาสนา อาจารย์อังกรู จึงตัดสินใจให้นักศึกษาคนดังกล่าวขึ้นเครื่องบินที่สุราษฎร์ฯ เพื่อเดินทางกลับ ไปร่วมงานศพคุณตาที่กรุงเทพฯได้ทันเวลา
|
|
|
สวนโมกข์ |
|
|
ขณะที่รถขับผ่านสวนโมกข์พลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี อาจารย์อังกูร ได้ชี้บอกให้ข้าพเจ้าดู ข้าพเจ้ารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้แวะ เพราะการเดินทางไปใต้ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิต คิดว่าถ้ามี โอกาสได้ไปอีกจะแวะทำบุญ และกราบคารวะหลวงปู่พุทธทาส แต่แม้เห็นเพียง ภายนอก ก็รู้สึกถึงความสงบร่มเย็นของสถานที่เป็นอย่างยิ่ง เพราะวัด ธารนํ้าไหลหรือสวนโมกข์พลารามแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้เป็นจำนวนมาก จึงดูสงบและร่มเย็นมาก ท่านที่มีโอกาสผ่านไป น่าจะแวะไปทำบุญด้วย ก็จะเป็นกุศลแก่ตนเองยิ่งนัก
|
|
|
จังหวัดปัตตานี โดยสังเขป |
|
|
คณะเราเดินทางถึงปัตตานีเวลาประมาณ ๖ โมงเย็น หลังจากลงรถ และได้ทำการมอบของที่ระลึก ให้แก่คนขับรถทั้งสองคนแล้ว ก็ถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับที่พัก
จังหวัดปัตตานีตั้งอยู่บนภูมิประเทศที่เป็นที่ราบชายฝั่งทะเลประมาณ ๑ ใน ๓ ของพื้นที่จังหวัด นอกนั้นเป็นที่ราบตะกอนนํ้าพา ลานตะพักลำนํ้า ที่ลาดเชิงเขา และภูเขา ทำให้มีความเหมาะสม ต่อการทำการเกษตรหลาก หลายรูปแบบ
จังหวัดปัตตานี้เป็นแหล่งรวมประชากรหลากหลายเชื้อชาติศาสนา มาตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบันจึงมีชาวปัตตานีเชื้อสายต่าง ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ทั้ง เชื้อชาติไทย มลายู จีน อาหรับ เปอร์เซีย ฯลฯ นอกจากนั้นชนพื้นเมืองดั่งเดิมเผ่า เซมัง - ซาไก ก็เคยมีถิ่นที่อยู่บริเวณจังหวัดปัตตานีด้วย
จำนวนประชากรของจังหวัดปัตตานี ในปี พ . ศ . ๒๕๔๘ มีประชากรทั้งสิ้น ๖๓๔ , ๓๗๖ คน เป็นผู้ชาย ๓๑๓ , ๑๓๒ คน ผู้หญิง ๓๒๑ , ๒๔๔ คน ประชากรจังหวัดปัตตานีนับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ ๘๑ . ๒๖ นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ ๑๗ . ๘๓ ส่วนที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์ และอื่น ๆ
จังหวัดปัตตานีมีศาสนสถานที่เป็นมัสยิดที่จดทะเบียน ๖๑๐ แห่ง มัสยิดที่ไม่ได้จดทะเบียน ๒๙ แห่ง มีวัด ๘๒ แห่ง และโบสถ์คริสต์ ๗ แห่ง *
อาชีพหลักของชาวปัตตานีส่วนใหญ่ทำการเกษตร การประมง ทำเรือกอและ ตีเหล็ก ทำกรงนก ทำนํ้าบูดู ข้าวเกรียบปลา ทำลูกหยีปรุงรส ฯลฯ
|
|
|
ไปหาหมอ |
|
|
อาจารย์อังกูรขับรถพาข้าพเจ้าไปที่บ้านคุณพ่อประสงค์ คุณแม่เสรี สันตะมะโน แถวถนนโรงอ่าง ในเมืองปัตตานี เพื่อเอาเสื้อผ้าไปเก็บ สถานที่นี้จะเป็นที่พักของข้าพเจ้าขณะที่อยู่ในจังหวัดปัตตานีนี้
เวลาประมาณ ๑๙ . ๐๐ น . อาจารย์อังกูรได้ขับรถพาข้าพเจ้า และ นักศึกษาที่มีบ้านอยู่ อำเภอโคกโพธิ์อีก ๒ คน ไปโคกโพธิ์ ตอนแรกได้รับการ ทัดทานจากคุณพ่อประสงค์ ว่าวันนี้คํ่าแล้ว ค่อยไปหาหมอวันพรุ่งนี้เถอะ เพราะบ้านหมอที่อำเภอโคกโพธิ์อยู่ ห่างจากตัวเมืองปัตตานีเกือบ ๓๐ กิโลเมตร แต่อาจารย์อังกูรรู้ ว่าข้าพเจ้ามีเวลาอยู่ ปัตตานีแค่ไม่กี่วัน และอยากให้ข้าพเจ้าได้มีเวลาไปรักษา หลาย ๆ ครั้งหน่อย จึงตัดสินใจไปหาหมอคืนนี้เลย
ขณะเดินทางบรรยากาศโดยทั่วไปสองข้างทางขณะขับรถผ่านเงียบเหงา บ้านเรือน ร้านค้าส่วนใหญ่ปิด ถนนหนทางก็ว่างรถไม่ค่อยมี นาน ๆ ผ่าน ไปคันดูเงียบเหงาวังเวง ทั้ง ๆ ที่เป็นเวลาช่วงหัวคํ่าเท่านั้น ทางเข้าหมู่บ้าน แต่ ละแห่งที่ผ่านไปมีไม่กั้น มีไฟเสมือนจุดตรวจเป็นจุด ๆ แต่ก็ปราศจากผู้คนดูแล
หลังจากส่งน้องนักศึกษาสองคนเรียบร้อยแล้ว เดินทางต่อไปบ้านหมอ บ้านหมอเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง แบบบ้านในชนบททั่วไป หลังไม่ใหญ่นัก อยู่กันอย่างเรียบง่าย สมถะ ข้างบ้านมีทู่งนาเขียวขจี มีลมพัดเย็นสบาย
หลังจากทักทายและดูอาการของข้าพเจ้าเรียบร้อย หมอบอกว่าต้อง ลองรักษาไปก่อน ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะรักษาได้ไหม ว่าแล้วก็นวดขาให้ แล้วนัดมาพอกยาวันอังคารคือวันมะรืนนี้ ค่ารักษาหมอก็ไม่เรียกร้องอะไร แล้วแต่เราจะให้
|
|
|
คุณไสย |
|
|
จากนั้นก็คุยเรื่องสุขภาพ จึงได้ทราบว่าภรรยาหมอไม่ค่อยสบาย เหนื่อยง่ายไม่ค่อยมีแรง หมอฮามุเองก็ทราบว่าภรรยาโดนคุณไสย แต่แก้ไม่เป็น คุณพ่อประสงค์ ซึ่งร่วมคณะเดินทางไปกับข้าพเจ้าด้วย ท่านเป็นร่างทรงปู่เสือ ท่านสามารถแก้ถอนคุณไสยได้ เลยเข้าทรงรักษาให้ ภรรยาของหมออีกพักหนึ่ง หลังการรักษาภรรยาหมอบอกว่ามีอาการดีขึ้น รู้สึกโล่งสบายเนื้อสบายตัว ไม่เหนื่อยเพลีย กว่าคณะเราจะเดินทางกลับถึงปัตตานี ประมาณ ๒๑ . ๐๐ น . ตามท้องถนนยิ่งเงียบเหงากว่าตอนมาอีก ในตัวเมืองก็ไม่ค่อยคึกคัก ร้านค้าส่วนใหญ่ปิด คนก็ไม่ค่อยมี หลังทานข้าวเสร็จ อาบนํ้าแล้วก็นอนหลับ เป็นตาย เพราะเหนี่อยเพลียจากการเดินทางไกลมาหลายวัน
|
|
|
มิจฉาสมาธิ |
|
|
วันที่ ๑๕ มกราคม วันนี้ไม่ได้ไปไหนพักผ่อนอยู่ ที่บ้าน โดยมีน้องปุ้ย มาอยู่ เป็นเพื่อน แต่คุณพ่อประสงค์ และอาจารย์อังกูรต้องไปบ้านหมออีก เพราะตอนเช้าหมอฮามุโทรศัพท์ มาบอกว่า ภรรยามีอาการอีกตอนใกล้รุ่ง เพราะฝ่ายตรงข้ามเขาส่งของคุณไสยมาอีก เขาเลยขอคุณพ่อประสงค์ ไปช่วยหน่อย
เรื่องคุณไสย เป็นเรื่องของผู้มีพลังจิตที่เกิดจากสมาธิ แต่นำเอาพลัง ที่เกิดจากจิตที่เป็นสมาธินั้น ไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องเป็นมิจฉาสมาธิ เพราะไม่มีศีลธรรมและปัญญากำกับ จึงไม่กลัวบาปกรรม บางคนก็ทำคุณไสยใส่คนอื่น เพราะต้องการเงิน ลาภยศ ชื่อเสียง หรือแม้แต่อยากโอ้อวด และแสดงอำนาจ ซึ่งเป็นเรื่องของกิเลสตัณหาทั้งสิ้น
|
|
|
ไปพอกยา |
|
|
วันนี้เป็นวันที่ ๑๖ มกราคม เวลาประมาณ ๑๖ . ๐๐ น . ข้าพเจ้า ได้เดินทางไปพอกยา ที่บ้านหมอที่อำเภอโคกโพธิ์อีกครั้ง วันนี้ไปกลางวันเลย เห็นสองข้างทางชัดเจน อำเภอโคกโพธิ์มีสถานที่ท่องเที่ยวโดยเฉพาะนํ้าตกต่าง ๆ อยู่หลายแห่ง อาทิ อุทยานแห่งชาตินํ้าตกทรายขาว นอกจากนี้อำเภอ นี้ยังมีวัดช้างไห้ ที่โด่งดัง เป็นวัดที่ประดิษฐานรูปเหมือนและสถูปเจดีย์ของ หลวงปู่ทวด เหยียบนํ้าทะเลจืด จึงเป็นอำเภอที่มีชาวพุทธอยู่กันมากพอสมควร
วันไปพอกยา ข้าพเจ้าเห็นเด็กที่แขนหักมาให้หมอรักษา หมอก็รักษา โดยการพอกยาให้ยาที่พอกก็ล้วนเป็นสมุนไพรพื้นบ้าน อาทิ ข้าวเหนียวดำ หัวหอม หัวกระเทียม มะนาว ฯลฯ แล้วหมอก็อธิษฐานให้แล้วใช้ผ้าพัน เคล็ดพันตัวยาที่พอกไว้ก็เสร็จพิธีแค่นี้ หมอบอกว่าพวกที่กระดูกหัก พอกยาแค่ ๓ วัน ก็เอาออกได้กระดูกที่หักก็จะเข้าที่ โดยที่ไม่ต้องไปใส่เฝือกที่โรงพยาบาล เลย
ข้าพเจ้าเห็นวิธีการรักษาของที่นี่แล้ว ก็นึกถึงการรักษาโดยภูมิปัญญา ท้องถิ่น ของชาวพุทธที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี หมอที่รักษาเป็นชาวพุทธ ที่ใช้วิธีการรักษาแบบนวดนํ้ามัน และสวดคาถาอาคม เขารักษาพวกกระดูกหัก ใช้เวลาแค่ไม่กี่วันเช่นกัน มีค่าขึ้นครูแค่ไม่กี่บาท แม้แต่พวกที่เป็นเกี่ยวกับเส้นยึด เส้นตึงต่าง ๆ พวกอัมพฤกษ์ อัมพาตที่เป็นไม่นาน เขาก็รักษาหายมานักต่อนักแล้ว
|
|
|
ต้องอดทน |
|
|
หลังจากพอกยาเสร็จ หมอบอกว่าต้องพอกยาไว้ ๓ วัน ให้มาเอายาออก วันที่ ๑๙ มกราคม ข้าพเจ้าจึงเดินทางกลับถึงที่พักในขณะที่ยังไม่มืด เพราะทาง ๓ จังหวัดภาคใต้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยออกจากบ้านไปไหนยามคํ่าคืน ตั้งแต่ มีเหตุการณ์ไม่ปกติ จากผู้ประสงค์ ร้ายที่จงใจสร้างสถานการณ์ สร้างความเดือดร้อนให้กับสุภาพชนทั่วไป ข้าพเจ้ารู้สึกเห็นใจพี่น้อง ๓ จังหวัดชายแดน ใต้ ยิ่งนัก จึงขอกราบอาราธนาอานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายจากทุกศาสนา ขอจงดลบันดาลให้ สันติสุขจงบังเกิดขึ้นโดยพลัน ด้วยเทอญ
ข้าพเจ้าถูกพอกยาไว้ ๔ จุด คือ หัวเข่า ๒ จุด และตาตุ่ม ๒ จุด ทำให้เดินลำบากไม่สามารถใส่ร้องเท้าได้แต่ก็ได้ รับการดูแลเป็นอย่างดีจากน้อง ๆ โดยเฉพาะน้องปุ้ยและน้องเต้ย ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้อีกครั้ง ขณะที่พอกยาขาข้าพเจ้าบวมทั้ง ๒ ข้าง แต่หมอบอกไม่เป็นไร และรู้สึกกระะตุก ที่ขาทั้ง ๒ ข้างเป็นช่วง ๆ สังเกตดูที่ปลายเท้าก็ดูมีเลือดฝาดดีอีกด้วย
|
|
|
ไปเที่ยว |
|
|
ตอนบ่ายวันที่ ๑๙ มกราคม ก่อนจะไปเอายาที่พอกออก น้อง ๆ คือน้องปุ้ย เต้ย ปริ และยีน พาไปเที่ยวรอบเมืองปัตตานี โดยไปซื้อของฝากพวก ข้าวเกรียบปลา ลูกหยี นํ้าบูดูของสายบุรี นอกจากนั้นน้อง ๆ ก็พาไปไหว้ เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่ศาลในตัวเมือง ซึ่งช่วงนี้มีคนไปไหว้ไม่มากเหมือนในอดีต เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมือง
หลังจากนั้นปริและยีนซึ่งเป็นมุสลิม พาไปชมมัสยิดกลางปัตตานี ซึ่งเป็น มัสยิดที่ชาวมุสลิมถือว่า สวยและใหญ่ที่สุดของปัตตานี ข้าพเจ้าไม่เคยเข้ามัสยิด มาก่อน เมื่อเข้าไปก็รู้สึกถึงความสงบ ร่มเย็น ด้านหน้ามัสยิดก่อเป็นสระนํ้า ก็คงมีส่วนทำให้รู้ สึกเย็นสบายยิ่งขึ้น ด้านในเป็นสถานที่กว้างโล่ง ตรงกลางมีชั้น ค่อนข้างสูงใช้เป็นที่อบรมบรรยายธรรม
ข้าพเจ้าขอชื่นชมชาวมุสลิมส่วนใหญ่ ที่ยังคงยึดมั่นในคำสอนของ องค์ศาสดา ต่างพากันมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่มัสยิดด้วยความตั้งใจ และสามัคคี สมควรที่ศาสนิกอื่น ๆ จะได้ดูเป็นแบบอย่าง เ พราะศาสนาจะเป็น ที่พึ่งให้แก่เราได้ก็ต่อเมื่อเราปฏิบัตามคำสอนขององค์พระศาสดาอย่างจริงจังและจริงใจเท่านั้น ข้าพเจ้านึกถึงคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ และประทับ ใจในคำสอนนี้มาก ท่านกล่าวว่า " ไม่ทำตามที่สอน อย่ามาอ้อนเรียกอาจารย์ "
น้อง ๆ ขับรถพาข้าพเจ้า ขึ้นสะพานที่สูงที่สุดของปัตตานี ข้าพเจ้าเห็น เรือประมงจอดอยู่ข้างชายฝั่งหลายลำ ดูเป็นภาพวิถีชีวิตที่งดงามและน่าสนใจ มากทีเดียว เมืองปัตตานียังมีแม่นํ้าปัตตานีไหลผ่านใจกลางเมือง ทำให้ดูสงบร่ มเย็นและสวยงามอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นเสมือนปอดหรือที่พักผ่อน หย่อนใจของชาวเมืองไปด้วย
ข้าพเจ้าจำได้ว่าขณะรอรถติดไฟแดง ณ สี่แยกแห่งหนึ่ง รถมอเตอร์ ไซด์ ที่ข้าพเจ้านั่งซ้อนมา จอดติดไฟแดงท้ายรถกระบะของทหาร ในรถมีทหาร หลายคนถือปืนคอยดูแลความสงบเรียบร้อยให้แก่พี่น้องประชาชน ข้าพเจ้ายิ้มให้และรู้สึกเห็นใจในภารกิจที่หนักหน่วงนี้ พร้อมนึกแผ่เมตตาขอให้พี่น้อง ทหารหาญเหล่านี้และทุกคนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ไม่ว่าจะ ณ ที่ใด ขอให้เขาเหล่านั้นมีความสุข ปลอดภัย มีกำลังใจที่เข้มแข็งที่จะพิทักษ์ ปกป้องพี่น้อง ประชาชนและประเทศชาติให้พ้นภัยพาลตลอดไปเทอญ
แห่งสุดท้ายที่น้อง ๆ พาไปคือสวนสมเด็จ ซึ่งก็ดูร่มรื่นพอสมควร แต่หน่วยงานที่ดูแลต้องใส่ ใจในความสะอาดเรียบร้อยให้มากขึ้นก็จะยิ่งดี เพราะจะได้สมพระเกียรติกับชื่อสวนสมเด็จ ( ย่า ) ยิ่งขึ้น
|
|
|
ไปกราบหลวงปู่ทวด |
|
|
เวลาประมาณ ๑๖ . ๐๐ น . อาจารย์อังกรูขับรถมารับข้าพเจ้าเพื่อไปเอายา ที่พอกออก โดยจะพาไปกราบหลวงปู่ทวดที่วัดช้างให้ก่อน ขณะนั่งรถไป วัดช้างไห้ ผ่านโรงพยาบาลโคกโพธิ์ ข้าพเจ้านึกถึงคำบอกเล่าของท่านเพชร ที่บอกว่า โรงพยาบาลโคกโพธิ์สร้างขึ้นจากเงินบริจาค ของผู้มีจิตศรัทธาต่อหลวง ปู่ทวดวัดช้างไห้ข้าพเจ้ารู้สึกอนุโมทนาบุญกับท่านเหล่านั้นและบารมีธรรมของ หลวงปู่ทวดเป็นอย่างยิ่ง
ข้าพเจ้าและคณะไปถึงวัดช้างให้ ซึ่งตั้งอยู่ เลขที่ ๑ หมู่ ๒ ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เวลาประมาณบ่าย ๔ โมงกว่า บริเวณวัดสงบ สะอาด ร่มรื่น แต่ค่อนข้างเงียบเหงา ไม่ค่อยมีคนมากราบไหว้ ทำบุญที่วัดเลย ในวัดมีทหารนั่งถือปืนคอยดูแลความสงบอยู่ ๕ - ๖ คน ข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าใจ ว่าวัดช้างให้ที่โด่งดัง มีถาวรวัตถุที่ใหญ่โตสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นองค์พระเจดีย์ โบสถ์ วิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระสถูปเจดีย์ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และรูปเหมือนหลวงปู่ทวด ที่ในอดีตเคยคราคร่ำไปด้วยชาวพุทธที่มีจิตศรัทธา จากทั่วสารทิศพากันมาทำบุญ ทำกุศล แต่ขณะนี้ดูเงียบเหงาไปถนัดตา
ข้าพเจ้ารีบไปกราบรูปเหมือนของหลวงปู่ทวดที่วิหาร ข้าพเจ้าได้อธิษฐาน กับหลวงปู่ว่า " ข้าพเจ้าจะขอมาประกาศเกียรติคุณของหลวงปู่ให้เป็นที่ประจักษ์แก่พุทธศาสนิกชนที่สนใจ โดยขอให้ข้าพเจ้าได้ข้อมูลของหลวงปู่ และรูปภาพ ต่าง ๆ อย่างครบถ้วน และขอบารมีของหลวงปู่ช่วยดลบันดาลให้การทอดผ้าป่า สามัคคี เพื่อสมทบทุนก่อสร้างศาลาฝึกอบรมหลังใหม่ของมูลนิธิกลุ่มศรัทธา ธรรม ที่จะทอดถวายในวันที่ ๒๐ - ๒๑ มกราคมศกนี้ ประสบความสำเร็จ ขอให้ได้เงินมาใช้หนี้สัก ๓ แสนบาทขึ้นไป ? ( จากหนี้ทั้งหมดประมาณ ๕ แสนบาท และแล้วผลจากคำอธิษฐานก็เป็นจริง เพราะปรากฏว่าการทอดผ้าป่าในวันที่ ๒๐ - ๒๑ มกราคมที่ผ่านมา ได้เงินผ้าป่าทั้งสิ้นครั้งแรก ๓๐๓ , ๗๒๘ บาท และมีซอง ตกค้างให้ ทีหลังอีก ๕๐๐ บาท รวมเป็น ๓๐๔ , ๒๒๘ บาท )
ขณะอยู่ที่วิหารข้าพเจ้าได้พบชายหนุ่ม ๒ คน สอบถามทราบว่าเดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร ข้าพเจ้ารู ้ สึกดีใจขึ้นมาหน่อยว่า ยังเจอผู้มีจิตศรัทธา ที่ดั้นด้นมาจากแดนไกล ชายคนหนึ่งแนะนำข้าพเจ้าให้ไปบูชาเหรียญหลวงปู่ ที่สำนักงานมูลนิธิสมเด็จหลวงพ่อทอด ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับวิหาร ข้าพเจ้าและ คณะจึงไปที่นั่น
ที่สำนักงานมูลนิธิ ข้าพเจ้าได้พบกับเจ้าหน้าที่ ข้าพเจ้าแจ้งความประสงค์ ว่า จะขอบูชาหนังสือ ประวัติของหลวงปู่ และประวัติวัดที่มีรูปภาพสี่สี เจ้าหน้าที่ มูลนิธิฯ ตอบว่า หนังสือประวัติของหลวงปู่ไม่มี หมดไปนานแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกเสียดาย นึกในใจว่า " ไม่มีอะไรสักอย่างแบบนี้ แล้วข้าพเจ้าจะประกาศเกียรติคุณ ของหลวงปู่ได้อย่างไรล่ะ " หลังจากนั้นก็บูชาเหรียญและรูปเหมือน รวมทั้ง สติกเกอร์ ไป ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่มีอายุหน่อยไม่ทราบว่าไปเจอ หนังสือประวัติของหลวงปู่ที่ไหน ส่งมาให้ข้าพเจ้า มันเป็นหนังสือที่เก่าแก่เพราะพิมพ์ตั้งแต่ปี พ . ศ . ๒๕๑๒ ข้าพเจ้าถามราคา เขาก็บอกว่าให้ไม่เอาเงิน พอได้หนังสือ ข้าพเจ้ารีบเปิดดู เห็นมีประวัติค่อนข้างละเอียด แต่ไม่มีรูปภาพ ใดเลย ข้าพเจ้าอยากได้รูปสี่สีของหลวงปู่ รูปพระเจดีย์ รูปวิหาร โบสถ์ ฯลฯ ในวัด ข้าพเจ้าก็นึกในใจว่า แล้วข้าพเจ้าจะไปเอารูปภาพต่าง ๆ ที่ไหนมาลง ประกอบล่ะ เพราะข้าพเจ้าและคณะที่ไปก็ลืมคิด เลยไม่มีใครเอากล้องไปด้วย สักคน ข้าพเจ้านึกเสียดายว่ามากับอาจารย์ที่สอนวิชาถ่ายภาพแท้ ๆ แต่ก็ไม่ได้รูป เพราะไม่ได้เอากล้องมาด้วย
หลังจากบูชาวัตถุมงคลเสร็จ ข้าพเจ้าได้รับการเร่งจากอาจารย์อังกูร ว่าเย็นแล้ว ต้องรีบเดินทางไปบ้านหมอต่อ ไม่งั้นจะมืดคํ่าก่อน ข้าพเจ้าจึง ตัดสินใจกลับ ขณะกำลังจะกลับไปที่รถ เจ้าหน้าที่อาวุโสของมูลนิธิฯ คนเดิม เดินแกมวิ่งเอาหนังสือ " วัดช้างให้ประวัติและการบูรณะปฏิสังขรณ์ " ฉบับสี่สี ซึ่งเป็นฉบับที่เพิ่งพิมพ์ ครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๔๙ จำนวนแค่ ๑ , ๐๐๐ เล่ม เท่านั้น มาส่งให้ข้าพเจ้า โดยไม่ยอมเอาเงินเช่นเคย ในหนังสือเล่มนี้มีรูปภาพ ต่าง ๆ ที่ข้าพเจ้าอยากได้ทั้งหมด อย่างน่าอัศจรรย์ใจในบารมีของหลวงปู่ ทวดยิ่งนัก
ข้าพเจ้าก็ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนที่มีจิตศรัทธในบารมีธรรมของ หลวงปู่ทวดเหยียบนํ้าทะเลจืด วัดช้างให้ ขอให้ทุกท่านได้มากราบหลวงปู่ อธิษฐานขอพรแล้วท่านจะสำเร็จในสิ่งอันพึงประสงค์อย่างน่าอัศจรรย์ใจ เขียนถึงตรงนี้ ข้าพเจ้าก็นึกถึงน้องปุ้ยที่ขณะกราบรูปเหมือนของหลวงปู่ ที่วิหารกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอให้ เขาทำบุญบำรุงการศึกษาพระเณร แล้วอธิษฐาน ขอบารมีของหลวงปู่และบุญกุศลที่ทำดลบันดาลให้เขาได้รับการคัดเลือก สอบเข้าศึกษาต่อ ในระดับปริญญาโท ของคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เขาจึงอธิษฐานขอหลวงปู่ตามที่ข้าพเจ้าแนะนำ หลังจากเขาอธิษฐานเสร็จ ข้ าพเจ้าบอกกับน้องเขาว่า ข้าพเจ้ามั่นใจว่าเขาต้องสอบเข้าได้แน่นอนแล้ว ก็ปรากฎว่าน้องปุ้ยและเพื่อนน้องปริ ได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นนักศึกษาใหม่ในระดับปริญญาโทได้จริง ๆ
ท่านที่จะมากราบบูชา และทำบุญกับหลวงปู่ทวดที่วัดช้างไห้ขออย่าได้กลัวต่อเภทภัยใด ๆ เลย เพราะเพียงแต่จิตท่านศรัทธามั่นคงต่อหลวงปู่ อย่างจริงใจ หลวงปู่ทวดย่อมคุ้มครองทุกท่านให้ปลอดภัยทุกเมื่อ ขอจงอย่า กังวลเลย
|
|
|
เดินทางกลับ |
|
|
เมื่อเอายาที่พอกขาออก ขาดูมีเลือดฝาดดี หลังจากหมอนวดขาให้ และสนทนากันอีกพักหนึ่ง ข้าพเจ้า และคณะก็ลากลับปัตตานี
รุ่งขึ้นวันที่ ๒๐ มกราคม ข้าพเจ้าต้องเดินทางกลับเชียงใหม่โดยสาย การบินไทย ในเวลา ๐๙ . ๐๐ น . ซึ่งได้รับการช่วยเหลือในการจองตั๋วเป็นอย่างดี จากน้องดุจดาว จินตะยะ เจ้าหน้าที่การบินไทย สำนักงานหาดใหญ่ทำให้สามารถมารับผ้าป่าสามัคคีจากคณะของครอบครัวคุณพ่อปรีดา - คุณแม่กิ้มลี้ แย้มนิยม ซึ่งจะมาทอดในวันที่ ๒๐ มกราคม เวลา ๑๔ . ๐๐ น . ได้ทัน ต้องขอขอบคุณน้องดุจดาวมา ณ ที่นี้อีกครั้ง และคณะผ้าป่าสามัคคีอีก ๔ คณะที่จะมาทอดในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ ๒๑ มกราคม คือคณะของ ดร . วิทย์ - คุณทัศนีย์ เที่ยงบูรณธรรม คณะบริษัท บี . พี . รุ่งเรือง ( บุญนำพา ) จำกัด โดยคุณวันเพ็ญ สีลาสถาพรกิจ และครอบครัว คณะบริษัท อาหารสัตว์ไทย จำกัด โดยคุณสนธยา ชูวงศ์เลิศสกุลและคณะ รวมทั้งครอบครัวคุณจินตนา เฉลิมพลประภา เพื่อสมทบทุนก่อสร้างศาลาฝึกอบรมหลังใหม่ของมูลนิธิ กลุ่มศรัทธาธรรม
ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณในนํ้าใจของทุกท่านที่กรุณาช่วยเหลือทั้งตัว ข้าพเจ้าและมูลนิธิฯ เป็นอย่างดีเสมอมา นํ้าใจนี้จะตราตรึงในใจของข้าพเจ้า ตลอดไป .
|
|
|
|
|
|
ขอเชิญฟังรายการวิทยุ " แสงธรมนำชีวิต "
ของมูลนิธิกลุ่มศรัทธาธรรม ทางสถานีวิทยุทหารอากาศเชียงใหม่ เอ . เอ็ม . ๑๓๒๓
เวลา ๐๕ . ๓๐ น . - ๐๖ . ๐๐ น .
" ฟังธรรมะจิตแจ่มใส ได้ปัญญา "
|
|
|
|
|
|