ณ แห่งนี้แล เป็นโพธิ- สถาน ทั้งสงัดและสงบ
ตั้งตระหง่านเบื้องบนสูงโน้นฤา คือหิมะสิงขร
อันเป็นวิมานของเทวะทั้งหลาย
เบื้องล่างห่างไกลออกไปโน่นมีหมู่บ้าน
ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของโยมอุปัฎฐากของข้าฯ
ห้อมล้อมหมู่บ้านก็มีแต่ภูเขา
แต่ละลูกมีหิมะขาวตก
ดูสดสวยยิ่งนัก คลุมอยู่แล
บนกิ่งไม้ มีนกป่าส่งเสียงร้องเรียกกันอย่างมีความสุข
เมื่อลดพัดมาเอื่อยๆ ต้นนุ่นซึ่งดูดั่งสะอื้นไห้
ก็ไหวเอนไปมาอย่างเฉื่อยช้า
บนยอดพฤกษามีเหล่าวานร
กระโดดโลดเต้นด้วยความร่าเริง
อีกฟากหนึ่งเป็นทุ่งหญ้าเขียว
จะเห็นฝูงแกะกระจัดกระจายกันเล็มหญ้ากินอยู่
คนเลี้ยงแกะก็มีความร่าเริง เบิกบาน
และปราศจากความกังวล
ต่างก็ร้องเพลงอย่างสำราญใจ
และเล่นอยู่ในหมู่ไม้อ้อ
เขาเป่าอ้อเล่นด้วยความสนุกสนาน
ผิดกับหมู่คนในโลก ที่มีความอยากอันร้อนรุ่ม
และความกระสับกระส่ายไขว่คว้าอันรุนแรง
ต่างก็ถูกล่อให้หลงอยู่กับกิจการต่างๆ
จนกลายเป็นทาสของแผ่นดินถิ่นโลกียวัตร
จากยอดศิลาที่ทอแสงแวววาวดังเพชรมณี
ข้าผู้เป็นโยคี เห็นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้
สังเกตดูมันแล้ว ข้าฯ รู้ว่ามันลอยล่องผ่านไปอย่างรวดเร็ว
และเป็นอยู่ชั่วประเดี๋ยวเท่านั้น
เพ่งพินิจสิ่งเหล่านี้อยู่ ข้าฯ รู้ชัดว่า
ความสุขสบายกายและความสำราญทั้งหลาย
เป็นเพียงพยับแดด และเงาในน้ำ
ข้าฯ เห็นชีวิตนี้ เหมือนกับการเล่นกล และความฝัน
เหตุฉะนั้น ความกรุณาปรานีอย่างท่วมท้น
จึงบังเกิดขึ้นในหทัยของข้า
เพื่อยังประโยชน์แก่คนไม่รู้ถึงความจริงเหล่านี้
อาหารที่ข้ากินอยู่ คือ ความว่างโปร่ง
การล่วงพ้นแล้วซึ่งความวอกแวก หวั่นไหว
นั่นแหละคือฌานของข้า
ภาพเป็นหมื่นๆ และความหลายหลากทั้งหมด
ประจักษ์อยู่เบื้องหน้าข้า
เออ, แปลกจริงๆ ปรากฏการณ์ในสังสารวัฎฎ์นี้
อัศจรรย์จริงแท้ คือ ธรรมะในโลกทั้งสาม
โอ, ช่างอัศจรรย์จริงเทียว ช่างประหลาดเหลือ!
ว่าง เป็นธรรมชาติของมัน
แม้กระนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ปรากฏให้เห็นได้ทั่วไป
|