ในปัญหาเดียวกันนี้เอง มี ๒ ประเด็น ประเด็นแรกว่าด้วยพระอรหันต์ไม่กลัวความตายดังที่กล่าวไปแล้ว ประเด็นที่ ๒ ว่าด้วยสัตว์นรกกลัวความตายหรือไม่
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามมีใจความว่า ธรรมดาสัตว์นรกนั้นย่อมได้เสวยทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสทั้งทาง กายทั้งทางใจตลอดเวลา ธรรมดาสัตว์ผู้มีความทุกข์นั้นย่อมมี ความปรารถนาอันสูงสุด คือ การไปเสียให้พ้นจากความทุกข์ทรมานนั้น แม้แต่ความตายก็ไม่น่าจะกลัวเพราะความตายทำให้พ้นไปเสียจากมหันตทุกข์ดังนั้นเมื่อสัตว์นรก จะตายจากนรกนั้น เขายังมีความกลัวตายอยู่หรือไม่
พระนาคเสนถวายพระพรตอบว่า แม้แต่สัตว์นรกก็ยังกลัวความตายเพราะว่าความตายนั้นเป็นสิ่งน่าสะพึงกลัวยิ่งกว่าสิ่งใดๆท่านได้ให้อุปมาไว้อย่างน่าฟังดัง ต่อไปนี้
บุรุษคนหนึ่งป่วยเป็นโรคฝีก้อนใหญ่ที่ใดที่หนึ่ง ได้รับความปวดร้าวแทบทนไม่ไหว เขาอยากจะพ้นจาก ความทุกข์ทรมานนั้นจึงเรียกหมอมารักษาหมอตรวจดูแล้ว บอก ว่าจะต้องผ่าเอาหัวฝีออก เขาได้นำเอาเครื่องมือผ่าตัดออกมาเอามีดผ่าตัดออกมาลับจนคมกริบ เอาแผ่นเหล็กสำหรับนาบฝีเผาไฟให้ร้อนบดยาด้วยหินบดเป็นต้น บุรุษ ผู้เป็นฝีเห็นเครื่องมือผ่าตัดเหล่านั้นแล้ว ย่อมเกิดความหวาดกลัว ทั้งๆ ที่อยากพ้นจากความทุกข์ฉันนั้น
อีกประการหนึ่ง เปรียบเสมือนชายคนหนึ่งกระทำความผิดร้ายแรง จึงถูกเจ้านายผู้มีอำนาจจับขังไว้ในเรือนจำได้รับความทุกข์ทรมานยิ่งนักมีความปรารถนาอย่าง แรง กล้าที่จะหลุดพ้นจากโทษทัณฑ์นั้น ต่อมาเจ้านายเกิดความสงสารเห็นใจ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่นำตัวนักโทษคนนั้นไปพบ เพื่อจะได้ปลดปล่อยให้เป็นอิสระขณะเดินทาง ไป พบเจ้านาย นักโทษคนนั้นย่อมเกิดความหวาดหวั่นเกรงกลัวไปต่างๆ นานา เช่นเกรงว่าจะถูกนายนำไปโบยตีเป็นต้นฉันใด สัตว์นรกก็หวาดกลัวต่อความตายฉันนั้น
อีกประการหนึ่ง เปรียบเหมือนชายคนหนึ่งถูกงูพิษกัดนอนเจ็บอยู่ ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันการอาจจะถึงตายในไม่ช้า หมองูคนหนึ่งมาพบเข้าปรารถนาจะช่วยเขา ให้รอดชีวิต จึงร่ายมนต์เรียกเอางูพิษร้ายตัวนั้นกลับมาหาคนป่วยเพื่อให้มันดูดเอาพิษร้ายออกมาจากตัวคนป่วยฝ่ายชายผู้เคราะห์ร้ายนั้นเมื่อเห็นงูพิษย่อมจะตกใจกลัว จนตัวสั่นฉันใด สัตว์นรกก็กลัวต่อความตายฉันนั้น
สุดท้ายพระเจ้ามิลินท์ก็พอพระทัยต่อคำชี้แจงพร้อมด้วยอุปมาอุปไมยของพระนาคเสน
|